เงากรรม

Meeting-678x381

*** บันทึกเมื่อปี 54
สวัสดีครับพี่น้องที่คิดถึง….และคิดถึงมากครับ
ผมหายไปพักใหญ่เลย เนื่องจากภัยน้ำท่วมเป็นพิษ
ชีวิตส่วนใหญ่ก็เลยอยู่กับน้ำจนน้ำกัดเท้า เขาคงหมั่นไส้ 555
จะทิ้งงานทิ้งบริษัทก็ไม่ได้ ความรับผิดชอบเราก็ต้องมีเท่าๆกับเจ้าของ
หรือเราต้องเป็นเพื่อนเขาในยามสุขและทุกข์
ผมเองก็เครียด…พายเรือส่งเจ้านายบ้างเพื่อนบ้าง แขนแทบหลุด
แต่ก็รู้สึกมีความสุข คิดว่าตัวเองได้ทำบุญ เวลาส่งพวกเขาถึงฝั่ง
ก็สาธุในใจ ขอให้ชีวิตเราถึงฝั่งฝันเหมือนที่เราได้พายเรือส่งพวกเขานี้ด้วยเถิด …!
งั้นก็เชิญอ่านบทความประจำคอลัมน์นี้ได้เลยครับผม….!
………………………………………………………………………………………………

เงากรรม
พระท่านว่า กรรมที่ตนได้กระทำแล้วนั้น เมื่อยังไม่ส่งผล อย่าพึ่งคิดว่าผลกรรมนั้นไม่มี มันอาจจะส่งผล ให้ตัวเราทุกข์ อย่างชนิดที่นึกไม่ถึงก็ได้

กรรม…แปล่าว่า การกระทำ
การกระทำที่่เกิดจากเจตนา
ถ้าเจตนาบริสุทธิ์ก็ถือว่าเป็นกรรมดี
เช่นคิดอยากให้เพื่อนเรา มีควาสุขสมหวัง
อยากให้เพื่อนได้ดีมีอนาคต ส่วนเจตนาไม่บริสุทธิ์
เช่น มีกลอุบายแอบแฝง คิดอยากให้มันเจอแต่อุปสรรคปัญหา
อิจฉา กลั่นแกล้ง แม้จะเป็นกรรมไม่หนัก แต่ผลของกรรมคือ
ทำให้ชีวิตเราไม่มีความเจริญก้าวหน้าเลย ่

ในชีวิตจริงคนเราหนีไม่พ้น รัก โลภ โกรธ หลง
รักไม่ว่าจะด้านลบหรือด้านบวก
ก็เป็นเหตุให้เกิดบ่วงหรือผลแห่งกรรมได้เช่นกัน
ด้านบวกอาจจะก่อกรรมเบาหน่อย
คือแม้ความรักจะราบรื่น มีความสุข
แต่ก็เป็นบ่วงแห่งกรรมได้เช่นกัน
เปรียบเหมือนเชื้อเพลิง ซึ่งมีคุณอนันท์
แต่ก็พร้อมที่จะจุดติดลุกเป็นไฟได้ไวเช่นกัน

ความรักด้านลบหรือ ชีวิตความรักด้านลบนั้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นกรรมลบอยู่แล้ว
เปรียบเสมือนเชื้อเพลงที่ลุกเป็นไฟ
และเป็นไฟแห่งความทุกข์ทีหนักที่สุดของชีวิตคนเรา

กรรม…กับการงาน
ในชีวิตการทำงาน กรรมเกี่ยวข้องอย่างไร
หลีกเลี่ยงการทำบาปกรรมได้ไหม
แต่คนส่วนมากจะไม่ค่อยคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษ
มองเป็นเรื่องธรรมดาขี้หมูขี้หมา หรือแกล้งไม่รู้ไปเลย
พระท่านเรียกว่า การสั่งสมขึ้นซึ่งกรรมนำทุกข์มาให้

แน่นอนละครับ การทำงานทุกอย่างย่อมมีปัญหา
ถ้าเราใช้สติิปัญญาแก้ปัญหา การลดกรรม….ก็เบาลง หรือไม่ได้ทำกรรมไม่ดีเลย
แต่ถ้าเมื่อไรเราใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อไร
ย่อมหนีไม่พ้น “ก่อกรรม..หรือการสั่งสมขึ้นซึ่งกรรม”

ชีวิตจริงของการทำงานที่ผมเห็นก็คือ
ส่วนมากผู้หญิงชอบใช้อารมณ์ ความรู้สึก
เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการทำงานเป็นอันดับแรกๆ
(ขอโทษไม่ได้ว่าผู้หญิงนะครับ แต่ผู้หญิงส่วนมาก
ถ้าได้ยินอะไรไม่ถูกหูหน่อยก็จะปี๊ดเลย พี่สาว น้องสาวผมก็เป็น 55)

“วิธีแก้ที่ผมแนะนำก็คือ ฝึกจิตให้นิ่ง อยู่กับสติ
เอาชนะใจตัวเองให้ได้ มองหลายๆมุม อดทน ข่มใจที่โกรธเกรี้ยว
ประหนึ่งว่า เราใช้ฝาเท้าเหยียบมันไว้อยู่ ฝึกอย่างนี้บ่อยๆ
เราก็จะเป็นคนนิ่ง สุขุม ลุ่มลึกขึ้น “

คนไทยเราคงคุ้นเคยกับคำว่า
“คิดดี พูดดี ทำดี”
แม้จะดูเชยๆ แต่ถ้าเราไม่ดูถูกมันก็จะเป็นอาจารย์คอยสะกิดเราทุกครั้งได้
กรรมก็มาจากสามคำนี้แหละ ฉะนั้นเราก็ต้องมีสติ คอยกำกับดูแลจิตให้ดี
ถ้าคิดดี ก็จะพ่นแต่น้ำดีออกมา ถ้าคิดไม่ดีเราก็จะพ่นน้ำเน่าออกมา

สิ่งที่เตือนใจเราได้ดีที่สุดก็คือดูคนที่คิดพูดทำกับคนอื่นไม่ดี
สุดท้ายเราก็จะเห็นผลกรรมที่เขาได้รับ แล้วเราก็เอามาเป็นบทเรียนสอนเราเอง
ไม่ให้หลงถลำทำอย่างที่เขาได้รับ เพราะนั้นคือ กรรมไม่ดี

กรรมดี หรือไม่ดีนั้น ไม่มีใครรู้ไส้รู้พุงเรามากไปกว่าตัวเรา
เรารู้อยู่แก่ใจว่า ที่ผ่านมาของชีวิตเราได้ก่อกรรมทำเข็ญกับใครไว้บ้าง
เราได้ทำคุณงามความดีกับใครไว้บ้าง อะไรที่เป็นบ่วงกรรม
หรือกรรมไม่ดี เราก็ลืมมันเสีย ทำกรรมดีไว้มากๆ แล้วชีวิตเราก็จะไม่ระกำ

กรรมดีหรือไม่ดีนั้น มันคือเงา…..ที่ติดตามตัวเราไปทุกที่ ทุกชาติทุกภพ
ทุกคนมีกรรมเป็นของๆตน
“สัตว์โลก ย่อมมีกรรมเป็นของๆตน” พุทธศาสนสุภาษิต

ชีวิตคนเราไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ทุกชีวิตก็ต้องสู้ ดำเนินต่อไป
ความดีนั้น แม้จะไม่ยิ่งใหญ่ แต่หากเราฝึกฝนสั่งสมทำด้วย
หัวใจอันบริสุทธิ์ มีสติคอยควบคุมตัวเองตลอดเวลา
หากเราพบเจอแต่ความทุกข์ ชีวิตมืดมนสับสน ก็อย่าได้ท้อ
อย่าสิ้นหวัง แม้ชีวิตจะเหลือให้เราทำควาดีหรือสร้างอนาคตใหม่ไม่้ได้แล้ว
เพราะการทำความดีไม่มีวันสาย …. แต่ถ้าจิตเรายังจมอยู่กับ
ความมืดบอด อย่าว่าแต่สายเลย แต่เป็นความโชคร้ายยิ่งกว่า
การมีชีวิตเพียงเพื่อรอวันตายเท่านั้น

อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่ครับ โชคดีทุกท่านทุกคนครับ
ด้วยรักจากใจจริงเสมอ
ทัต ณ ฝั่งโขง
บก.kidbuak.com
17 พฤศจิกายน 2554 23:20 น.

Facebook Comments Box