วันที่ 20 พ.ย. 51 ขณะที่ลูกชายทำงาน และเรียนต่อปริญญาตรี
(เรียนวันอาทิตย์ วันปกติทำงาน)
เงินเดือนขณะนั้น 7,500 บาท พ่อป่วยหนักอยู่ประมาณเดือนกว่า ๆ
ลูกชายได้แต่ส่งเงินอันน้อยนิดที่เก็บออมได้
เพื่อส่งให้พ่อทางบ้านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ลูกชายอยากกลับไปดูแลพ่อที่บ้าน…
แต่พ่อสั่งพี่น้องไว้ ว่า
“ห้ามบอก ทัต อยู่กรุงเทพฯ นะ
ว่าพ่อป่วยหนัก เดี๋ยวเขาจะไม่เป็นอันทำการทำงาน
และเสียการเรียน “
ทุกครั้งที่ลูกชายโทรกลับไป แม่ยื่นโทรศัพท์ให้พ่อ
พ่อจะคุยด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งมาก
ทั้ง ๆที่พ่อป่วยหนัก ไปรักษาที่โรงพยาบาลก็ไม่หาย
ทั้งหมอชาวบ้านก็แล้ว
แม่เล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่พ่ออาการทรุดหนัก
เพราะพ่อไปกิน ต้มงูเห่า ซึ่งมันเลื้อยเข้ามาอยู่ใต้ถุนบ้าน
ใคร ๆห้ามพ่อก็ไม่ฟัง
เย็นวันที่ 20 พ.ย 51 พี่เขยเห็นพ่ออากาศทรุดหนักที่สุด
จึงโทรมาบอกลูกชาย
” ทัต …พ่อทรุดหนักมาก มากกว่าทุกวัน
ทัตลางานกลับบ้านได้ปล่าว”
ได้ยินคำนี้ผมแทบทรุด ขณะกำลังจัดเรียงสินค้าที่หน้าร้าน
และวางทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อจะไปลาเถ่าแก่
“เจ้านายครับพ่อ พ่อผมทรุดหนักเขาโทร.มาบอกเมื่อสักครู่
ผมจะขอลากลับบ้านเลยนะ” ผมกล่าวขออนุญาตด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
บอกไม่ถูกว่า นี่จะเป้นการสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดของชีวิต
“นายกลับไปแล้ว พ่อหายหรือเปล่า …! ”
เจ้านายผู้หญิงกล่าว ผมอึ้ง….พูดอะไรไม่ถูกเลย
ผมเล่าให้เพื่อนพนักงานฟัง แทบอยากจะเข้าไปด่าแทนผมให้
ทันใดนั้นผมหิ้วกระเป๋าเดินออกจากบริษัททันที
กรุงเทพฯ > ช่องเม็ก อุบลราชธานี > ต่อเขตลาวไทย
21 พ.ย. 51 ถึงช่องเม็กตีสี่ >> ด่าน ตม.คงไม่ตื่นมาเปิดให้เราเป็นแน่แท้
ณ วินาทีนั้น อยากเห็นหน้าพ่อ …ผมสะอื้นตลอดทาง
“พ่อครับ รอลูกชาย 2 คน ก่อนนะ” ผมภาวนาในใจ หวังว่าพ่อคงรับรู้
ส่วนน้องชายเป็นพระบวชเรียนที่เวียงจัน เราสองพี่น้อง
นัดเจอกันที่ปากเซ และนั่งรถอีกสองต่อ ไปลงที่บ้านนากะสัง
และนั่งเรือข้ามไปอีกฟากของแม่น้ำโขง ซึ่งติดกับชายแดนเขมร
ระยะทางกว้างของแม่น้ำโขง ประมาณ 4 กิโล นั้งเรือประมาณ
ครึ่งชั่วโมง
ด่านช่องเม็กตีสี่ เงียบสงบ อากาศหนาวเย็นมาก
มีเพียงมอเตอร์ไซต์รับจ้างเท่านั้น ที่วิ่งรับส่งคนมาจากกรุงเทพฯ
“พี่ผมจะข้ามไปฝั่งลาวตอนนี้เฮ็ดจังไหร พอดี พ่อผมป่วยหนักครับ”
ผมส่งสำเนียงบ้านเดียวกันกับพี่วินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง
ซึ่งขณะนั้น อาคารด่านสากลยังก่อสร้างไม่เสร็จอย่างปัจจุบัน
“ย่าง (เดิน) ลงไปเลยครับ ทหารยังบ่ตื่นหรอกครับ อากาศมันหนาว
ย่างลงไปโลด ไป๊ผมสิไปส่งใส่ (ที่) หม่องฮั้ว(รั้ว) แล้วกะ
มุดข้ามไปเลย ย่างตงไปคิวรถเลยครับ”
ขอบคุณครับพี่ ยกมือไหว้ขอบคุณพี่ใจดี แล้วผมก็ไม่รีรอเลย
ทำตามทุกประการ ไม่มีแม้แต่ความกลัวใด ๆเลย
ทั้งที่เงียบสงบปราศจากเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ได้ยินแต่เสียงโกน
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจลาวเทานั้น
เมื่อไปถึงคิวรถ…..แต่ยังไม่มีรถสักคัน
แม่ค้าฝั่งลาวใจดี คนหนึ่งตื่นขึ้นมานึ้งข้าวเหนียว
เห็นผมนั่งอยู่คนเดียวเลยเดินมาถาม
“สิไปใสละหำ” แม่ค้า
“สิเมือปากเซครับ และไปต่อนากะสัง พ่อผมป่วยหนักครับ”
ผมแจ้งรายละเอียดเลย
“โอยยังบ่ทันมีรถหรอก เซ่าปานนี่ พุ้นละ (โน้นละ) 6 โมง 7 โมงพ้นละจั่งสิมี”
หัวใจผมแป้ว หมดแรงเลยได้ยินคำนี้
” เอื้อยมีรถให้เหมาบ่ครับ ผมรอบ่ไหว ผมอยากเห็นหน้าพ่อผม”
เสียงผมเหมือนจะร้องไห้ ….
“มีอยู่หั้นละ แต่พ่อมันยังบ่ตื่นเลย” แม่ค้าบอกผัวเขายังไม่ตื่นเลย
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น….(ยังมีสัญญาญ DTAC อยู่)
ผมไม่อยากรับเลย ….หัวใจเต้นแรงขึ้นหลายเท่า
ใจจริงอยากให้หัวใจระเบิดตายตรงนั้นเลย
นี่ พ่อเราจะจากเราไปจริง ๆเหรอนี่
ผมยังทำความฝันของพ่อยังไม่เป็นจริงเลย
พ่อรอลูกอีกได้ไหม ที่ลูกจากบ้านมาไกล
ก้เพื่อพ่อ ลูกทำตามความฝันของพ่อ
พ่ออยากให้ลูกชาย 2 คน เรียนสูง ๆ
เป็นหน้าเป็นตาของวงศ์ตระกูลลูกชาวนา
ความฝันของพ่อ คือไม่อยากให้ลูกลำบากเหมือนพ่อ
ลูกจะทำสำเร็จแล้วนะพ่อ เหลืออีกปีเดียวก็จบปริญญาตรี
อีกไม่กี่ปีลูกก็จะได้เป็นผู้จัดการ ลูกจะมีเงินเดือนสูง ๆแล้วพ่อ
พ่อรอดูความสำเร็จของลูกอีกหน่อยไม่ได้เหรอ
” ทัต …..! พ่อเฮาจากไปแล้ว….”
ผมรับโทรศัพท์ เสียงที่ได้ยินคือเสียงพี่สาวคนโต
และเสียงร้องไห้ระงมกันทั้งบ้านแทรกเข้ามาในโทรศัพท์
น้ำตาของผมไหลพราก …. ผมร้องไห้ต่อหน้าแม่ค้า
ผมทรุดลงกับพื้นดิน ผมไม่มีเรี้ยวแรงเลย
นี้คือการสูญเสียที่เจ็บปวดที่สุด ผมไม่เคยคิดว่าวันนี้
จะมาถึง ….. ผมไม่เคยสูญเสียอะไรที่เลวร้ายเหมือน
ครั้งนี้
พ่อจากผมไปอย่างไม่มีวันหวลกลับ
พ่อจากผมไปแล้วใช่ไหมนี่ หรือไม่จริง
น้ำตาผมไหลไม่หยุดเลย
คนที่ไม่เคยสูญเสียพ่อแม่
จะไม่รู้เลยว่า มันเป็นอย่างไร
ทันใดนั้นผมก็เหมารถตู้ของแม่ค้าใจดีคนนั้น
พร้อมกับน้ำดื่ม และข้าวเหนียวร้อน ๆ พร้อมปิ้งไก่
“เสียใจนำเด้อ เอาข้าวเหนียวปิ้งไก่ไปกินนำทาง
จะได้มีแฮง” แม่ค้าปลอบใจ
คนที่ไม่เคยสูญเสียพ่อแม่
จะไม่รู้เลยว่า มันเป็นอย่างไร
———————————————–
วันนี้วันพ่อ……
ถึงไม่ใช่วันนี้วันพ่อ ลูกก็คิดถึงพ่อตลอดทุกลมหายใจ
ลูกทำความฝันของพ่อสำเร็จแล้ว ….
ทุกวันนี้ลูกมีความสุขกับการขายของทำบุญ
และลูกก็ทำบุญอุทิศให้พ่อตลอดทุกครั้ง
พ่อคือดวงใจของลูก พ่อคือพลังชีวิตของลูก
พ่ออยู่บนสวรรค์ พ่อเป็นเทวดาที่คอยปกป้องคุ้มครองลูก
ลูกคิดถึงพ่อที่อยู่บนสวรรค์ตลอดทุกลมหายใจ
(พ่ออายุได้ 72 ปี)
จากลูกชาย นักสู้คนเก่งของพ่อ
ทัต ณ ฝั่งโขง (อ่อ …และ
น้องชาย อีกคนที่อยู่เวียงจัน)
5/12/56