(บันทึกเมื่อ 5 ตุลาคม 2554, 03:00 น.)
การนั่งดูปัญหาตีกันแม้มันจะไม่ถูกต้องนัก
แต่อย่างน้อยเราจะเป็นคนคุมเกม
ดีกว่าลงไปแก้ปัญหา ทั้งที่หัวใจยังอ่อนแอ.
เวลาที่เชือกพันกัน คนส่วนมาก มักจะใช้มีดตัดออก
จะมีใครสักกี่คนมานั่งแก้ด้วยมือ
ปัญหาของคนเรา จริงๆแล้วคือการหนีปัญหานั่นแหละ เพราะถ้าเราตั้งใจแก้มัน
มีหรือจะไม่มีทางออก แพ้บ้าง ชนะบ้าง เป็นเรื่องปกติ
ที่มาจากพระอาจารย์ค่ายพุทธบุตร พระอาจารย์
มหาวิชาญ วัดสระเกต
ถึงพี่น้องที่คิดถึงทุกท่านครับ
หวังว่าพี่น้องเราคงสบายดีนะครับ
ผมเขียนคอลัมน์นี้ช้าไปนิดหนึ่งครับ เนื่องจากวันอาทิตย์
ก็มีงานสำคัญเข้ามาก็เลยต้องดูแลและทำให้สำเร็จ
จากการดูสถิติเว็บไซต์ใน Google พบว่าคำที่คนส่วนใหญ่สนใจมากที่สุด
ก็คือ “ธุรกิจสังฆภัณฑ์ เอ็กเพรส” เป็นธุรกิจเก่าแก่ที่อยู่กับความศรัทธามาช้านาน
แต่นำมาบริหารสมัยใหม่ ปิดความคิดเก่าๆ หรือ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) สังฆภัณฑ์
ใครที่คิดจะทำธุรกิจสังฆภัณฑ์ ก็ไม่ยาก และก็ไม่ง่ายครับ
ไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไรมากกมาย มีแค่ศรัทธา หรือใจที่รักในธุรกิจบุญ
พร้อมๆกับเงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 1-5 แสนบาท พร้อมห้องแถวหรือตึกคูหา
แล้วแต่ทำเลที่เราเลือก ยิ่งมีสถานที่จอดรดด้วยยิ่งวิเศษไปเลย
ผมหนึ่งในทีมงานพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ สังฆภัณฑ์ เอ็กเพรส
ตั้งแต่ผมเริ่มต้นทำงานที่ห้างสังฆภัณฑ์มา เกือบ 4 ปี
ผมถือว่าครั้งนี้ผมได้เติมส่วนที่ขาดไปเยอะมาก ทั้งด้านระบบบริหารจัดการ
ทุกๆขั้นตอนผมได้เรียนรู้ ได้ทำด้วยตัวของตัวเองหมดเลย
และผมทำมากกว่าทุกๆคนในทีม โดนเจ้านายดุด่าสารพัด
เกือบจะไม่รอดด้วยซ้ำ มีหลายครั้งมากที่ผมจะโดนเขี่ยออกจากทีม
สาเหตุมาจากความรู้มากของตัวเอง ไม่ทำตามระบบขั้นตอนที่เขาสั่ง
และความเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ฉอเลอะเงาะแงะกับเจ้านายไม่เป็น พูดง่ายๆก็คือ
คนที่ทำมากก็ย่อมที่จะผิดพลาดมากเป็นธรรมดา
ผมมีความมั่นใจ เกิน 100% ว่าประสบการณ์ตรงที่ผมได้ในครั้งนี้
ผมสามารถเปิดร้านสังฆภัณฑ์ และบริหารให้อยู่ได้อย่างสบายไม่ยากเย็นเลย
ผมมีวิธีที่คนอื่นไม่มีมี ผมมีจุดแข็งที่คนอื่นไม่มี ผมเชื่ออย่างนั้น
วันนี้ผมอยู่ในสนามรบ สนามรบที่เลวร้ายมาก
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่แข่งขันแก่งแย่งกันอย่างดุเดือด
คนที่ฉลาดปรับตัวง่ายก็รอดตัวไป
คนที่ยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู ก็ลำบากมาก
ทุกคนมีเหตุผลส่วนตน จะถูกผิดคนอื่นตัดสินแทนเราไม่ได้
แต่ทุกคนควรที่จะฉลาดในการต่อสู้ รู้เขารู้เรา
ถึงคราวยอม….ถึงคราวถอยก็ต้องถอย…ถ้ารู้ว่าชนแล้ว…แพ้….
สู้ไปก็ตายฟรี …. อย่าบอกว่่าสู้เพื่อศักดิ์ศรี (มันกินไม่ได้หรอก)
ประสบการณ์ที่อยู่ในองค์กรแห่งการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 3 ปีกว่าๆ
ทำให้ผมอ่านเกมส์ อ่านคน….อ่านงาน….ได้อย่างแม่นยำมาก
ผมอ่านเกมส์แต่ละสถานการณ์ แม่นยำเหมือนรู้อนาคตเลย
แต่คนที่ผมรักและห่วงใยสะกิดกันแล้วไม่ฟังบ้างเลย
ผมก็ปล่อยให้เป็นไปตามเวรกรรม อุเบกขา คือการทำใจวางเฉย
พูดง่ายๆก็คือปลง…..ไม่งั้นเราก็เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบอยู่คนเดียว
ผมต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งในตัวเอง และกับสิ่งแวดล้อมภายนอก
ผมกำลังปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ มันคืออนาคต มันคือปลายฟ้าที่เราต้องไขว่คว้าเอาไว้
ความเหนื่อยล้า คือบททดสอบพลังความแข็งแกร่งของชีวิต
ทุกครั้งที่เจอปัญหา….ทุกครั้งที่มันเกิดปัญหา
สิ่งสำคัญก็คือ ความนิ่ง …..ความนิ่ง นิ่งอย่างมีสติ
“บุรุษที่สุขุมลุ่มลึก สงบนิ่งดังสายน้ำ
บุรุษนั้น คือนักรบแห่งตำนานผู้กำชัยชนะตลอดกาล”
ความวู่วามจะนำมาซึ่งปัญหาและความพ่ายแพ้ในเกมส์
คำพูดที่สื่อออกมาจะทำให้คู่ต่อสู้รู้ทันว่าเราคิดอย่างไร
ฉะนั้นอย่าพูดก่อนคิด แต่จงคิดก่อนพูด
การอยู่ในองค์กรแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้น
เราปฏิเสธไม่ได้เลยกับผลกระทบที่วิ่งเข้ามาปะทะกับตัวเรา
เราไม่เปลี่ยนเขาก็ต้องเปลี่ยนเรา อย่าคิดว่าไม่มีเราเขาจะอยู่ไม่ได้
การคิดแบบนี้แสดงว่าในใจของเราเองขุ่นมัวไม่ต่างอะไรกับกระจกที่เปื้อนฝุ่น
หากเราเปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน เปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด
การสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งนั้น เราต้องมีทั้งรุกและรับ บางครั้งก็ต้องถอย อดทนด้วย
ซุ้มดูท่าที ดูจุดอ่อนจุดแข็ง แน่นอนไม่มีศัตรูใดที่ปราศจากจุดอ่อนอย่างสิ้นเชิง
วิธีเอาชนะศัตรูแบบพุทธนั้น คือวิธีชนะที่ยั่งยืนและมีพลัง
นั้นก็คือเราต้องมี เมตตา กรุณา มุธิตา ให้กับศัตรูของเรา
คือเราต้องมีกัลยาณมิตร มีมิตรภาพที่ดีกับเขา มีความปรารถนาดี
และแสดงความยินดี หรือไม่ยินร้าย (แต่ห้ามคิดร้ายกะเขา)
ให้เกียรติ และมีกิริยามารยาทตามความเหมาะสม
แค่นี้ศัตรูที่คิดจะกำจัดเราก็ แพ้แล้ว
พบกันใหม่อาทิตย์หน้า โชคดีครับ
ด้วยรักจากใจจริงเสมอ
ทัต ณ ฝั่งโขง
kidbuak.com
5 ตุลาคม 2554, 03:00 น.