ถึงพี่น้องที่คิดถึงทุกท่านครับ
หวังว่าพี่น้องเราคงสบายดีนะครับ
ผมเขียนคอลัมน์นี้ช้าไปนิดหนึ่งครับ เนื่องจากวันอาทิตย์
ก็มีงานสำคัญเข้ามาก็เลยต้องดูแลและทำให้สำเร็จ
จากการดูสถิติเว็บไซต์ใน Google พบว่าคำที่คนส่วนใหญ่สนใจมากที่สุด
ก็คือ "ธุรกิจสังฆภัณฑ์ เอ็กเพรส" เป็นธุรกิจเก่าแก่ที่อยู่กับความศรัทธามาช้านาน
แต่นำมาบริหารสมัยใหม่ ปิดความคิดเก่าๆ หรือ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) สังฆภัณฑ์
ใครที่คิดจะทำธุรกิจสังฆภัณฑ์ ก็ไม่ยาก และก็ไม่ง่ายครับ
ไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไรมากกมาย มีแค่ศรัทธา หรือใจที่รักในธุรกิจบุญ
พร้อมๆกับเงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 1-5 แสนบาท พร้อมห้องแถวหรือตึกคูหา
แล้วแต่ทำเลที่เราเลือก ยิ่งมีสถานที่จอดรดด้วยยิ่งวิเศษไปเลย
ผมหนึ่งในทีมงานพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ สังฆภัณฑ์ เอ็กเพรส
ตั้งแต่ผมเริ่มต้นทำงานที่ห้างสังฆภัณฑ์มา เกือบ 4 ปี
ผมถือว่าครั้งนี้ผมได้เติมส่วนที่ขาดไปเยอะมาก ทั้งด้านระบบบริหารจัดการ
ทุกๆขั้นตอนผมได้เรียนรู้ ได้ทำด้วยตัวของตัวเองหมดเลย
และผมทำมากกว่าทุกๆคนในทีม โดนเจ้านายดุด่าสารพัด
เกือบจะไม่รอดด้วยซ้ำ มีหลายครั้งมากที่ผมจะโดนเขี่ยออกจากทีม
สาเหตุมาจากความรู้มากของตัวเอง ไม่ทำตามระบบขั้นตอนที่เขาสั่ง
และความเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ฉอเลอะเงาะแงะกับเจ้านายไม่เป็น พูดง่ายๆก็คือ
คนที่ทำมากก็ย่อมที่จะผิดพลาดมากเป็นธรรมดา
ผมมีความมั่นใจ เกิน 100% ว่าประสบการณ์ตรงที่ผมได้ในครั้งนี้
ผมสามารถเปิดร้านสังฆภัณฑ์ และบริหารให้อยู่ได้อย่างสบายไม่ยากเย็นเลย
ผมมีวิธีที่คนอื่นไม่มีมี ผมมีจุดแข็งที่คนอื่นไม่มี ผมเชื่ออย่างนั้น
วันนี้ผมอยู่ในสนามรบ สนามรบที่เลวร้ายมาก
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่แข่งขันแก่งแย่งกันอย่างดุเดือด
คนที่ฉลาดปรับตัวง่ายก็รอดตัวไป
คนที่ยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู ก็ลำบากมาก
ทุกคนมีเหตุผลส่วนตน จะถูกผิดคนอื่นตัดสินแทนเราไม่ได้
แต่ทุกคนควรที่จะฉลาดในการต่อสู้ รู้เขารู้เรา
ถึงคราวยอม....ถึงคราวถอยก็ต้องถอย...ถ้ารู้ว่าชนแล้ว...แพ้....
สู้ไปก็ตายฟรี .... อย่าบอกว่่าสู้เพื่อศักดิ์ศรี (มันกินไม่ได้หรอก)
ประสบการณ์ที่อยู่ในองค์กรแห่งการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 3 ปีกว่าๆ
ทำให้ผมอ่านเกมส์ อ่านคน....อ่านงาน....ได้อย่างแม่นยำมาก
ผมอ่านเกมส์แต่ละสถานการณ์ แม่นยำเหมือนรู้อนาคตเลย
แต่คนที่ผมรักและห่วงใยสะกิดกันแล้วไม่ฟังบ้างเลย
ผมก็ปล่อยให้เป็นไปตามเวรกรรม อุเบกขา คือการทำใจวางเฉย
พูดง่ายๆก็คือปลง.....ไม่งั้นเราก็เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบอยู่คนเดียว
ผมต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งในตัวเอง และกับสิ่งแวดล้อมภายนอก
ผมกำลังปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ มันคืออนาคต มันคือปลายฟ้าที่เราต้องไขว่คว้าเอาไว้
ความเหนื่อยล้า คือบททดสอบพลังความแข็งแกร่งของชีวิต
ทุกครั้งที่เจอปัญหา....ทุกครั้งที่มันเกิดปัญหา
สิ่งสำคัญก็คือ ความนิ่ง .....ความนิ่ง นิ่งอย่างมีสติ
"บุรุษที่สุขุมลุ่มลึก สงบนิ่งดังสายน้ำ
บุรุษนั้น คือนักรบแห่งตำนานผู้กำชัยชนะตลอดกาล"
ความวู่วามจะนำมาซึ่งปัญหาและความพ่ายแพ้ในเกมส์
คำพูดที่สื่อออกมาจะทำให้คู่ต่อสู้รู้ทันว่าเราคิดอย่างไร
ฉะนั้นอย่าพูดก่อนคิด แต่จงคิดก่อนพูด
การอยู่ในองค์กรแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้น
เราปฏิเสธไม่ได้เลยกับผลกระทบที่วิ่งเข้ามาปะทะกับตัวเรา
เราไม่เปลี่ยนเขาก็ต้องเปลี่ยนเรา อย่าคิดว่าไม่มีเราเขาจะอยู่ไม่ได้
การคิดแบบนี้แสดงว่าในใจของเราเองขุ่นมัวไม่ต่างอะไรกับกระจกที่เปื้อนฝุ่น
หากเราเปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน เปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด
การสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งนั้น เราต้องมีทั้งรุกและรับ บางครั้งก็ต้องถอย อดทนด้วย
ซุ้มดูท่าที ดูจุดอ่อนจุดแข็ง แน่นอนไม่มีศัตรูใดที่ปราศจากจุดอ่อนอย่างสิ้นเชิง
วิธีเอาชนะศัตรูแบบพุทธนั้น คือวิธีชนะที่ยั่งยืนและมีพลัง
นั้นก็คือเราต้องมี เมตตา กรุณา มุธิตา ให้กับศัตรูของเรา
คือเราต้องมีกัลยาณมิตร มีมิตรภาพที่ดีกับเขา มีความปรารถนาดี
และแสดงความยินดี หรือไม่ยินร้าย (แต่ห้ามคิดร้ายกะเขา)
ให้เกียรติ และมีกิริยามารยาทตามความเหมาะสม
แค่นี้ศัตรูที่คิดจะกำจัดเราก็ แพ้แล้ว
|